วันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

บันทึกการเรียนครั้งที่ 5

วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2560
เวลาเรียน 08.30-12.30 น.


เนื้อหาที่เรียน

ประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ


**เด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ (Children with Learning Disabilities) 

เรียกย่อๆ ว่า L.D. (Learning Disabilities)
เด็กที่มีปัญหาทาการเรียนรู้เฉพาะอย่างไม่นับรวมเด็กที่มีปัญหาเพียงเล็กน้อยทางการเรียน เด็กมีปัญหาเนื่องจากความพิการ หรือความบกพร่องทางร่างกาย
สาเหตุของ L.D.
ความผิดปกติของการทำงานของสมองที่ไม่สามารถถอดรหัสตัวอักษรออกมาได้ (เชื่อมโยงภาพตัวอักษรเข้ากับเสียงไม่ได้)
1.ด้านการอ่าน (Reading Disorder)
อ่านหนังสือช้า ต้องสะกดทีละคำอ่านออกเสียงไม่ชัด ออกเสียงผิด หรืออาจข้ามคำที่อ่านไม่ได้ไปเลยไม่เข้าใจเนื้อหาที่อ่าน หรือจับใจความสำคัญไม่ได้
ตัวอย่าง
หาว ---> หาม/หา
ง่วง ---> ม่วม/ม่ง/ง่ง
เลย ---> เล
อาหาร ---> อาหา
เก้าอี้ ---> อี้
อรัญ ---> อะรัย
ลักษณะของเด็ก L.D. ด้านการอ่าน 
  • อ่านช้า 
  • อ่านคำต่อคำ
  •  ต้องสะกดคำจึงจะอ่านได้ 
  • อ่านออกเสียงไม่ชัดเจน
  • เดาคำเวลาอ่าน
  • อ่านข้าม อ่านเพิ่มคำ อ่านผิดประโยคหรือผิดตำแหน่ง
  • อ่านโดยไม่เน้นคำ หรือเน้นข้อความบางตอน
  • ผันเสียงวรรณยุกต์ไม่ได้
  • ไม่รู้ความหมายของเรื่องที่อ่าน
  • เล่าเรื่องที่อ่านไม่ได้ จับใจความสำคัญไม่ได้
2.ด้านการเขียน (Writing Disorder)
เขียนตัวหนังสือผิด สับสนเรื่องการม้วนหัวอักษร เช่น ม เป็น น หรือจาก ภ เป็น ถ เป็นต้น
  • เขียนตามการออกเสียง เช่น ประเภท เขียนเป็น ประเพด
  • เขียนสลับ เช่น สถิติ เขียนเป็น สติถิ
  • ลักษณะของเด็ก L.D. ด้านการเขียน
  • ลากเส้นวนๆ ไม่รู้ว่าจะม้วนหัวเข้าในหรือออกนอก ขีดวนๆ ซ้ำๆ
  • เรียงลำดับอักษรผิด เช่น สถิติ เป็น สติถิ
  • เขียนพยัญชนะหรือตัวเลยสลับกัน
  • เช่น ม-น,ภ-ถ,ด-ค,พ-ผ,b-d,p-q,6-9 
  • เขียนพยัญชนะ ก-ฮ ไม่ได้แต่บอกให้เขียนเป็นตัวๆ ได้
  • เขียนพยัญชนะ หรือ ตัวเลขกลับด้าน คล้ายมองจากกระจกเงา
  • เขียนคำตามตัวสะกด เช่น เกษตร เป็น กะเสด
  • จับดินสอหรือปากกาแน่นมาก *เขียนกดแรง มีลอยลบบ่อยเวลาเขียน
  • สะกดคำผิด โดยเฉพาะคำพ้องเสียง ตัวสะกดแม่เดียวกัน ตัวการันต์
  • เขียนหนังสือช้า เพราะ กลัวสะกดผิด
  • เขียนไม่ตรงบรรทัด ขนาดตัวอักษรไม่เท่ากีน ไม่เว้นขอบ ไม่เว้นช่องไฟ
  • ลบบ่อยๆ เขียนทับคำเดิมหลายครั้ง
ตัวอย่าง
ปาลแผล ---> บาดแผล
รัมระบาล ---> รัฐบาล
ผีเสื้อมดุร ---> ผีเสื้อสมุทร
ไกรรง ---> กรรไกร
เกสรกะ ---> เกษตรกร
ดักทุก ---> บรรทุก




3.ด้านการคิดคำนวณ (Mathematics Disorder) 
  • ตัวเลขผิดลำดับ
  • ไม่เข้าในเรื่องราวการทดเลขหรือการยืมเลขเวลาทำการบวกหรือลบ
  • ไม่เข้าใจหลักเลขหน่วย สิบ ร้อย
  • แก้โจทย์ปัญาเลขไม่ได้
***เด็กผู้หญิงเป็นเยอะกว่าเด็กผู้ชาย
ลักษณะของเด็ก L.D. ด้านการคำนวณ
  • ไม่เข้าใจค่าของตัวเลขเช่นหลักหน่วยสือ ร้อย พัน หมื่น เป็นเท่าใด
  • นับเลขไปข้างหน้าหรือถอยหลังไม่ได้
  • คำนวณบวก ลบ คูณ หาร โดยการนับนิ้ว
  • จำสูตรคูณไม่ได้
  • เขียนเลขกลับกันเช่น 13 เป็น 31
  • ทดไม่เป็นยืมไม่เป็น
  • ตีโจทย์เลขไม่ออก
  • คำนวณเลขจากซ้ายไปขวาแทนที่จะทำจากขวาไปซ้าย
  • ไม่เข้าในเรื่องเวลา
4.หลาย ๆ ด้านร่วมกัน เขียน/อ่าน/คำนวณ 
  • แยกแยะขนาดสีและรูปร่างไม่ออก
  • มีปัญหาความเข้าใจเกี่ยวกับเวลา
  • เขียน/อ่านตัวอักษรสลับซ้าย-ขวา
  • งุ่มง่ามการประสานงานของกล้ามเนื้อไม่ดี
  • การประสานงานของสายตา-กล้ามเนื้อไม่ดี 
  • สมาธิไม่ได้ (เด็ก L.D. ร้อยละ 15-20 มีสมาธิสั้น ADHD ร่วมด้วย)
  • เขียนตามแบบไม่ค่อยได้
  • ทำงานช้า
  • การวางแผนงานและจัดระบบไม่ดี
  • ฟังคำสั่งสับสน
  • คิดแบบนามธรรมหรือคิดแก้ปัญหาไม่ค่อยดี
  • ความคิดสับสนไม่เป็นขั้นตอน
  • ความจำระยะสั้น/ยาวไม่ดี
  • ถนัดซ้ายหรือถนัดทั้งซ้ายและขวา
  • ทำงานสับสนไม่เป็นข้ันตอน

**ออทิสติก (Autistic)หรือ ออทิซึ่ม (Autism)

  • เด็กที่ไม่สามารถมีปฏสัมพันธ์กับผู้อื่น
  • ไม่สามารถเข้าใจคำพูด ความรู้สึกและความต้องการของผู้อื่น
  • ไม่สามารถที่จะสื่อสารกับคนรอบข้างและสังคม
  • เด็กออทิสติกแต่ละคนจะมีเอกลักษณ์ของตนเอง
  • ติดตัวเด็กไปตลอดชีวิต
  • "ไม่สบตา ไม่พาที ไม่ชี้นิ้ว"

วัด 4 ทักษะนี้

  • ทักษะภาษา
  • ทักษะทางสังคม
  • ทักษะการเคลื่อนไหว
  • ทักษะการรับรู้เกี่ยวกับรูปทรง ขนาดและพื้นที่
    ลักษณะของเด็กออทิสติก
  • อยู่ในโลกของตนเอง *คิดอะไรในหัวเยอะ
  • ไม่เข้าไปหาใครเพื่อให้ปลอบใจ
  • ไม่เข้าไปเล่นในกลุ่มเพื่อน
  • ไม่ยอมพูด
  • เคลื่อนไหวแบบซ้ำๆ
  • ดูหน้าแม่ ---> ไม่มองตา
  • หันไปตามเสียง ---> เหมือนหูหนวก
  • เรียนรู้คำพูดเพิ่มเติม ---> เคยพูดได้ต่อมาหยุดพูด
  • ร้องเมื่อมีคนแปลกหน้าเข้าใกล้ ---> ไม่สนใจคนรอบข้าง
  • จำหน้าแม่ได้ ---> บางคนก็จำคนไม่ได้
  • เปลี่ยนของเล่น ---> นั่งเล่นอย่างใดอย่างหนึ่ง
  • เคลื่อนไหวอย่างมีจุดมุ่งหมาย ---> มีพฤติกรรมแปลกๆ
  • สำรวจและเล่นตุ๊กตา ---> ดมหรือเลียตุ๊กตา
  • ชอบความสุขและกลัวความเจ็บ ---> ไม่รู้สึกเจ็บปวด ชอบทำร้ายตัวเอง และคนรอบข้าง
เกณฑ์การวินิจฉัยออทิสติกองค์การอนามัยโลกและสมาคมจิตแพทย์อเมริกา
ความผิดปกติของปฏิสัมพันธ์ทางสังคม อย่างน้อย 2 ข้อ
  • ไม่สามารถใช้ภาษาท่าทางสื่อสารทางสังคมกับบุคคลอื่น
  • ไม่สามารถสร้างสัมพันธ์ภาพกับบุคคลให้เหมาะสมตามวัย
  • ขาดความสามารถในการแสวงหาการมีกิจกรรม ความสนใจ และความสนุกสนานร่วมกับผู้อื่น
  • ขาดทักษะการสื่อสารทางสังและทางอารมณ์กับผู้อื่น
  • ความผิดปกติด้านการสื่อสาร อย่างน้อย 1 ข้อ
  • มีความล่าช้าหรือไม่มีการพัฒนาในด้านภาษาพูด
  • ในรายที่สามารถพูดได้แต่ไม่สามารถที่จะเริ่มต้นบทสนทนาหรือโต้ตอบบทสนทนากับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม
  • พูดซ้ำๆ หรือมีรูปแบบจำกัดในการใช้ภาษา เพื่อสื่อสารหรือส่งเสียงไม่เป็นภาษาอย่างไม่เหมาะสม
  • ไม่สามารถเล่นสมมุติหรือลอกตามจินตนาการได้เหมาะสมกับระดับพัฒนาการ
มีพฤติกรรม ความสนใจ และกิจกรรที่ซ้ำๆ และจำกัด อย่างน้อย 1 ข้อ
  • มีความสนใจที่ซ้ำๆ อย่างผิดปกติ
  • มีกิจวัตรประจำวันหรือกฎเกณฑ์ที่ต้องทำไม่สามารถยืดหยุ่นได้ ถึงแม้ว่ากิจวัตรหรือกฎเกณฑ์นั้นจะไม่มีประโยชน์
  • มีการเคลื่อนไวร่างกายซ้ำๆ
  • สนในเพียงบางส่วนของวัตถุ
  • พฤติกรรมทำซ้ำ
  • นั่งเคาะโต๊ะ หรือโบกมือนานเป็นชั่วโมง
  • นั่งโยกหน้าโยกหลังเป็นเวลานาน
  • วิ่งเข้าห้องนี้ไปห้องโน้น
  • ไม่ยอมให้เปลี่ยนสิ่งแวดล้อม
  • พบความผิดปกติ อย่างน้อย 1 ด้าน (ก่อนอายุ 3 ขวบ) 
  • ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
  • การใช้ภาษาเพื่อสื่อความหมาย
  • การเล่นสมมติหรือการเล่นตามจินตนาการ
  • ไม่สามารถวินิจฉัยให้เข้าข่ายโรคใดๆได้
ออทิสติกเทียม
  • ปล่อยให้เป็นพี่เลี้ยงดูแลหรืออยู่กับผู้สูงอายุ
  • ปล่อยให้ลูกอยู่กับไอแพด
  • ดูการ์ตูนในทีวี
Autistic Savant ออทิสติกอัจฉริยะ
กลุ่มที่คิดด้วยภาพ (Visual Thinker)จะใช้การคิดแบบอุปนัย (Bottom up Thinking)
กลุ่มที่คิดโดยไม่ใช้ภาพ (Music,Math and Memory Thinker)จะใช้การคิดแบบนิรนัย (Top down Thinking)




ความรู้ที่ได้รับ
- รับรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
-เทคนิคปรับวิธีการสอนให้เหมาะสมกับเด็กที่มีคามต้องการพิเศษ

การนำไปใช้
             ปรับการสอนให้กับเด็ก มีความพิเศษกว่าเด็กปกติ เพราะเด็กพิเศษจะมีการเรียนรู้ที่ช้ากว่าเด็กปกติ ครูจึงต้องปรับการสอนให้เด็กได้เรียนรู้ตามสภาพของเด็ก ให้เหมาะสมกับการเรียนเรียนรู้ของเด็กพิเศษ สอนให้เด็กเข้าใจและสอนให้เด็กสามารถช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวันได้

ประเมิน 
ตนเอง : ตั้งใจเรียน มีส่วนร่วมในการเรียนการสอน
เพื่อน : ตั้งใจเรียน มีส่วนร่วมในการเรียน
อาจารย์ : แต่งกายสุภาพเรียบร้อย มีความตั้งใจในการสอน เตรียมการสอนมาเป็นอย่างดี





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น